เมื่อไหร่เราควรจะเปลี่ยนแว่นตา

Read Time:1 Minute, 56 Second

หากคุณเป็นคนที่ใส่แว่นตาเป็นประจำและกำลังเผชิญกับอาการตาล้า ปวดหัว ปวดเบ้าตา หรือต้องหรี่ตาขณะมองข้อความบนโทรศัพท์มือถือ อาการเหล่านี้อาจหมายถึง “ค่าสายตาของคุณกำลังเปลี่ยนแปลง” เลนส์แว่นตาคู่ใหม่จะช่วยให้ความคมชัดกลับมาเหมือนเดิมแล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่า “เมื่อไหร่เราควรจะเปลี่ยนแว่นตา” มีอาการใดบ้างที่กำลังส่งสัญญาณให้เราทราบว่าสายตาเปลี่ยนไปวันนี้หมอกายมีคำตอบ

ตาพร่ามัว

อาการตาพร่า (blurry vision) คือ อาการความผิดปกติทางสายตา เช่น มองไม่ชัด โฟกัสไม่ได้หรือเห็นเป็นหมอก ๆ อาการตาพร่ามัวสามารถเกิดขึ้นได้พร้อมกันทั้งสองตาหรือเกิดขึ้นในตาข้างใดข้างหนึ่งก็ได้

สาเหตุของอาการตาพร่า ได้แก่ ปัญหาสายตา(Refractive error) ,โรคตา(Eye disease) หรืออาจเกิดจากโรคทางระบบประสาท(Neurological disorder)

มองเห็นภาพซ้อน

ภาพซ้อน (double vision) คือ อาการความผิดปกติทางสายตาส่งผลให้เห็นวัตถุไม่คมชัด อ่านตัวเลขที่มีความใกล้เคียงกันได้ยาก มองวัตถุชิ้นเดียวแยกเป็นสองชิ้น หรือเห็นเงาเบลอฟุ้งออกมาจากวัตถุโดยเฉพาะแสงจากดวงไฟขณะขับรถตอนกลางคืน

สาเหตุของภาพซ้อนแบ่งตามอาการได้ ดังนี้

เห็นภาพซ้อนจากตาข้างเดียว หากลองปิดตาข้างใดข้างหนึ่งแล้วเห็นภาพซ้อนหมายถึงเราอาจมีปัญหาสายตาเอียง (astigmatism) แต่หากเราเห็นภาพซ้อนเฉพาะขณะเปิดตาสองข้างเท่านั้น(ปิดตาข้างใดข้างหนึ่งเห็นภาพชัดปกติ) หมายถึงเราอาจมีปัญหากล้ามเนื้อตา(binocular dysfunction) ควรได้รับการวินิจฉัยแยกสาเหตุจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ปวดศีรษะ

การสวมแว่นที่เบอร์ตาไม่ตรงค่าสายตาจริงส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณรอบ ๆ ดวงตาต้องเพ่งตามากขึ้นเพื่อให้เรายังคงมองเห็นภาพชัดผลที่ตามมาคือ อาจเกิดอาการ ปวดตา ล้าตา ในบางรายอาจรุนแรงถึงขึ้นมีอาการปวดหัว ก่อนจะตัดสินใจเข้าร้านแว่นตาท่านควรแน่ใจก่อนว่าผู้ตรวจหรือคนที่จะมาตรวจสายตาให้เรานั้นเป็นใครและมีความรู้ความเข้าใจเพียงพอหรือไม่

สามารถปรึกษาปัญหาสายตากับนักทัศนมาตร

ผ่านทางไลน์ฟรีเพียงกดปุ่มเพิ่มเพื่อน

ผ่านทาง Line Official Account

เลนส์เป็นรอย

รอยขีดข่วนบนเลนส์แว่นตาเป็นสาเหตุให้การมองเห็นแย่ลงและทำให้ดวงตาของเราต้องทำงานหนักมากขึ้นการเลือกใช้เลนส์ที่เคลือบสารป้องกันรอยขีดข่วน (Scratch Resistance) จะช่วยยืดอายุความใสของเลนส์ได้นานมากกว่าเลนส์ทั่วไปหลายเท่า